ตอนที่ 1: สามวาระใหม่แห่งอนาคต

โดย ดร. สุวินัย ภรณวลัย

ในอดีต วาระสูงสุดของมนุษยชาติ คือ การเอาชนะความอดอยาก เอาชนะโรคระบาด และเอาชนะความรุนแรง (จากสงครามต่าง ๆ) ปัจจุบันถือได้ว่ามนุษยชาติได้เอาชนะ 3 อุปสรรค (ความอดอยาก โรคระบาด และความรุนแรงจากสงคราม) ได้แล้วโดยพื้นฐาน เพราะในปัจจุบัน คนตายจากโรคอ้วนมากกว่าตายจากความหิวโหย คนแก่ตายมากกว่าเป็นโรคติดเชื้อตาย อีกทั้งคนยังเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายและอุบัติเหตุรถยนต์มากกว่าถูกฆ่าตายในสงครามหรือถูกฆาตกรรม ด้วยเหตุนี้ วาระสูงสุดอันใหม่ของมนุษยชาติที่จะเข้ามาแทนที่วาระเก่าในอดีตจึงได้แก่

  1. วาระการเอาชนะความแก่ชราและความตาย (โครงการอมตะ) ด้วยการปฏิวัติเทคโนโลยีชีวภาพ เพราะมองว่าความตายและความแก่ชราเป็นแค่ปัญหาทางเทคนิคที่แก้ไขได้ไม่ช้าก็เร็ว ต่อไปคนจะไม่สนใจปัญหาความไม่เท่าเทียมอีกแล้ว แต่จะหันมาหมกมุ่งเรื่องความเป็นอมตะ ไม่แก่ไม่ตายแทน หรือการมี "ชีวิตที่ไม่มีวันหมดอายุ" โดยพึ่งพา วิศวกรรมชีวภาพ (biological engineering), วิศวกรรมไซบอร์ก (cyborg engineering) และวิศวกรรมสิ่งมีชีวิตอนินทรีย์ (engineering of non-organic beings)

  2. วาระการเข้าถึงความสุขความเพลิดเพลินตลอดไปด้วยการควบคุมสภาวะทางชีวเคมีในร่างกายของคนเรา เพราะเชื่อว่าความสุขคือความพอใจ ซึ่งหลักคิดแบบวัตถุนิยมเชื่อว่าสามารถเข้าถึงความสุขหรือความพึงพอใจอย่างยั่งยืนได้โดยผ่านการปรับเปลี่ยนชีวเคมีของคนเราด้วย"ยาวิเศษ" กับทำวิศวกรรมร่างกายและจิตใจของคนเราขึ้นมาใหม่ เหมือนอย่างที่ในอดีต การสูบกัญชาทำให้รู้สึกสุขสงบชั่วคราว เสพโคเคนและยาบ้าทำให้คึกคักชั่วครู่ ยาอีทำให้เคลิบเคลิ้ม ยาแอลเอสดีทำให้หลอน เป็นต้น

  3. วาระการอัปเกรดโฮโมเซเปียนส์ให้เป็นโฮโมดีอุส (มนุษย์เทพ) หรืออภิมนุษย์ โดยผ่าน วิศวกรรมจิตใจมนุษย์กับเทคโนโลยีชีวภาพมนุษย์เซเปียนส์สัมพันธ์กับสัตว์อื่นๆอย่างไร ต่อไปมนุษย์ดีอุสก็จะปฏิบัติต่อเซเปียนส์อย่างนั้นเช่นกัน การผลักดันสามวาระใหม่ของมนุษยชาติได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างช้าๆ และไม่น่ามีใครสามารถยับยั้งทิศทางของสามวาระใหม่นี้ได้ เพราะ สามวาระใหม่นี้จะเป็นกลไกผลักดันเศรษฐกิจอนาคตให้ขับเคลื่อนต่อจากนี้ การหยุดยั้งสามวาระใหม่นี้ จะนำไปสู่การพังทลายของเศรษฐกิจและสังคมของชาวโลกไปพร้อม ๆ กัน

มันชัดเจนเหลือเกินว่า​ แรงผลักดันเศรษฐกิจและสังคมแบบทุนนิยมคือ​ตัณหาหรือความทะยานอยาก​(欲望) ในช่วงสามร้อยปีที่ผ่านมา​ พร้อมๆกับความสำเร็จในการทำให้สมัยใหม่​ ​(modernization)​ ที่รุดหน้าอย่างก้าวกระโดด​จนสามารถแก้ปัญหาความอดอยาก​ โรคระบาด​ และ​ความรุนแรงจากสงคราม​ที่เคยเป็นตัวการใหญ่ที่ทำให้ประชากรของสังคมในอดีตก่อนยุคสมัยใหม่​ตายไปคราวละ​ 25-50% ของจำนวนประชากรทั้งหมด​... ลุล่วงไปอย่างได้ผล อุตสาหกรรมการเกษตร, อุตสาหกรรมยา/การแพทย์​ และอุตสาหกรรมอาวุธสงคราม

คือสามอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจทุนนิยมให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง​ ตามมาด้วยอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่โลกทัศน์แบบวัตถุนิยม​ บูชาเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์เชิงประจักษ์จะครองโลกและครอบงำความคิดของผู้มีอำนาจในระบบทุนนิยม​ รวมทั้งมวลชนซึ่งเสพบริโภคสินค้าและบริการที่ระบบทุนนิยมป้อนให้ ในยุคปัจจุบันซึ่งเป็นยุคเปลี่ยนผ่านอำนาจจากมนุษย์ไปสู่ปัญญาประดิษฐ์​เพื่อเข้าสู่ยุค​Dataism (ยุคเดต้านิยม)​เต็มรูปแบบที่จะมาแทนที่ยุคทุนนิยม​ มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่โครงการ​ ​Homo​ Deus จะถือกำเนิดขี้นมา​เพื่อผลักดันสามวาระใหม่ของมนุษย์ชาติหลังจากนี้​ นั่นคือ

  1. โครงการชะลอแก่ชะลอตาย​ด้วยการปฏิวัติเทคโนโลยีชีวภาพ เพื่อยืดอายุขัยมนุษย์ถึง​ 150-500 ปี​โดยไม่แก่

  2. โครงการให้ความสุขทางชีวเคมีแก่มนุษย์ทั่วโลก โดยเริ่มจากการให้ทานยาแก้โรคซึมเศร้า​และโรคทางจิตเวชและจิตเภทอื่นๆ​ ต่อไปคงมุ่งพัฒนายาที่กินแล้วมีความสุขหรือความพึงพอใจ

  3. โครงการอัปเกรดความสามารถมนุษย์จนมีความสามารถดุจเทพเจ้าในตำนาน เริ่มจากอัปเกรดความงามผ่านธุรกิจศัลยกรรมเพื่อความงาม​ ต่อไปจะพัฒนาธุรกิจตัดต่อพันธุกรรมตามหลักสุพันธุศาสตร์ (優生学 eugenics) รวมทั้งธุรกิจที่เชื่อมประสาทสมองมนุษย์เข้ากับปัญญาประดิษฐ์

นี่คือตัณหามนุษย์ปุถุชนที่อยากหนีทุกข์ที่เกิดจากการแก่​การเจ็บป่วย​และการตาย​ด้วยวิธีการแบบวัตถุนิยมสุดโต่ง​ แล้วใช้​"อภิตัณหา" นี้​ผลักดันกลไกทางเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อเนื่องไม่มีวันสิ้นสุดนั่นเอง แต่ลึก ๆ แล้ว​คนที่ต้องการไม่แก่ไม่ตายจริงๆคือคนแบบ​จิ๋นซีฮ่องเต้ในอดีตที่มี​อำนาจอยู่ในมือนั่นเอง​ ถ้าเป็นสมัยนี้คือคนกลุ่มน้อยที่มีอำนาจเงินหรืออำนาจชื่อเสียงหรืออำนาจทางการเมืองอยู่ในมือ การเอาชนะอภิตัณหาด้วยแนวทางแบบวัตถุนิยมนี้​ไม่มีทางชนะได้อย่างแท้จริงหรอก​มีแต่จะนำนรกและหายนะมาสู่มนุษยชาติเท่านั้น ผ่านคำสาปเรื่องดีอุส

Last updated