ตอนที่ 1: สามวาระใหม่แห่งอนาคต
ในอดีต วาระสูงสุดของมนุษยชาติ คือ การเอาชนะความอดอยาก เอาชนะโรคระบาด และเอาชนะความรุนแรง (จากสงครามต่าง ๆ) ปัจจุบันถือได้ว่ามนุษยชาติได้เอาชนะ 3 อุปสรรค (ความอดอยาก โรคระบาด และความรุนแรงจากสงคราม) ได้แล้วโดยพื้นฐาน เพราะในปัจจุบัน คนตายจากโรคอ้วนมากกว่าตายจากความหิวโหย คนแก่ตายมากกว่าเป็นโรคติดเชื้อตาย อีกทั้งคนยังเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายและอุบัติเหตุรถยนต์มากกว่าถูกฆ่าตายในสงครามหรือถูกฆาตกรรม ด้วยเหตุนี้ วาระสูงสุดอันใหม่ของมนุษยชาติที่จะเข้ามาแทนที่วาระเก่าในอดีตจึงได้แก่
วาระการเอาชนะความแก่ชราและความตาย (โครงการอมตะ) ด้วยการปฏิวัติเทคโนโลยีชีวภาพ เพราะมองว่าความตายและความแก่ชราเป็นแค่ปัญหาทางเทคนิคที่แก้ไขได้ไม่ช้าก็เร็ว ต่อไปคนจะไม่สนใจปัญหาความไม่เท่าเทียมอีกแล้ว แต่จะหันมาหมกมุ่งเรื่องความเป็นอมตะ ไม่แก่ไม่ตายแทน หรือการมี "ชีวิตที่ไม่มีวันหมดอายุ" โดยพึ่งพา วิศวกรรมชีวภาพ (biological engineering), วิศวกรรมไซบอร์ก (cyborg engineering) และวิศวกรรมสิ่งมีชีวิตอนินทรีย์ (engineering of non-organic beings)
วาระการเข้าถึงความสุขความเพลิดเพลินตลอดไปด้วยการควบคุมสภาวะทางชีวเคมีในร่างกายของคนเรา เพราะเชื่อว่าความสุขคือความพอใจ ซึ่งหลักคิดแบบวัตถุนิยมเชื่อว่าสามารถเข้าถึงความสุขหรือความพึงพอใจอย่างยั่งยืนได้โดยผ่านการปรับเปลี่ยนชีวเคมีของคนเราด้วย"ยาวิเศษ" กับทำวิศวกรรมร่างกายและจิตใจของคนเราขึ้นมาใหม่ เหมือนอย่างที่ในอดีต การสูบกัญชาทำให้รู้สึกสุขสงบชั่วคราว เสพโคเคนและยาบ้าทำให้คึกคักชั่วครู่ ยาอีทำให้เคลิบเคลิ้ม ยาแอลเอสดีทำให้หลอน เป็นต้น
วาระการอัปเกรดโฮโมเซเปียนส์ให้เป็นโฮโมดีอุส (มนุษย์เทพ) หรืออภิมนุษย์ โดยผ่าน วิศวกรรมจิตใจมนุษย์กับเทคโนโลยีชีวภาพมนุษย์เซเปียนส์สัมพันธ์กับสัตว์อื่นๆอย่างไร ต่อไปมนุษย์ดีอุสก็จะปฏิบัติต่อเซเปียนส์อย่างนั้นเช่นกัน การผลักดันสามวาระใหม่ของมนุษยชาติได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างช้าๆ และไม่น่ามีใครสามารถยับยั้งทิศทางของสามวาระใหม่นี้ได้ เพราะ สามวาระใหม่นี้จะเป็นกลไกผลักดันเศรษฐกิจอนาคตให้ขับเคลื่อนต่อจากนี้ การหยุดยั้งสามวาระใหม่นี้ จะนำไปสู่การพังทลายของเศรษฐกิจและสังคมของชาวโลกไปพร้อม ๆ กัน
มันชัดเจนเหลือเกินว่า แรงผลักดันเศรษฐกิจและสังคมแบบทุนนิยมคือตัณหาหรือความทะยานอยาก(欲望) ในช่วงสามร้อยปีที่ผ่านมา พร้อมๆกับความสำเร็จในการทำให้สมัยใหม่ (modernization) ที่รุดหน้าอย่างก้าวกระโดดจนสามารถแก้ปัญหาความอดอยาก โรคระบาด และความรุนแรงจากสงครามที่เคยเป็นตัวการใหญ่ที่ทำให้ประชากรของสังคมในอดีตก่อนยุคสมัยใหม่ตายไปคราวละ 25-50% ของจำนวนประชากรทั้งหมด... ลุล่วงไปอย่างได้ผล อุตสาหกรรมการเกษตร, อุตสาหกรรมยา/การแพทย์ และอุตสาหกรรมอาวุธสงคราม
คือสามอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจทุนนิยมให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามมาด้วยอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่โลกทัศน์แบบวัตถุนิยม บูชาเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์เชิงประจักษ์จะครองโลกและครอบงำความคิดของผู้มีอำนาจในระบบทุนนิยม รวมทั้งมวลชนซึ่งเสพบริโภคสินค้าและบริการที่ระบบทุนนิยมป้อนให้ ในยุคปัจจุบันซึ่งเป็นยุคเปลี่ยนผ่านอำนาจจากมนุษย์ไปสู่ปัญญาประดิษฐ์เพื่อเข้าสู่ยุคDataism (ยุคเดต้านิยม)เต็มรูปแบบที่จะมาแทนที่ยุคทุนนิยม มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่โครงการ Homo Deus จะถือกำเนิดขี้นมาเพื่อผลักดันสามวาระใหม่ของมนุษย์ชาติหลังจากนี้ นั่นคือ
โครงการชะลอแก่ชะลอตายด้วยการปฏิวัติเทคโนโลยีชีวภาพ เพื่อยืดอายุขัยมนุษย์ถึง 150-500 ปีโดยไม่แก่
โครงการให้ความสุขทางชีวเคมีแก่มนุษย์ทั่วโลก โดยเริ่มจากการให้ทานยาแก้โรคซึมเศร้าและโรคทางจิตเวชและจิตเภทอื่นๆ ต่อไปคงมุ่งพัฒนายาที่กินแล้วมีความสุขหรือความพึงพอใจ
โครงการอัปเกรดความสามารถมนุษย์จนมีความสามารถดุจเทพเจ้าในตำนาน เริ่มจากอัปเกรดความงามผ่านธุรกิจศัลยกรรมเพื่อความงาม ต่อไปจะพัฒนาธุรกิจตัดต่อพันธุกรรมตามหลักสุพันธุศาสตร์ (優生学 eugenics) รวมทั้งธุรกิจที่เชื่อมประสาทสมองมนุษย์เข้ากับปัญญาประดิษฐ์
นี่คือตัณหามนุษย์ปุถุชนที่อยากหนีทุกข์ที่เกิดจากการแก่การเจ็บป่วยและการตายด้วยวิธีการแบบวัตถุนิยมสุดโต่ง แล้วใช้"อภิตัณหา" นี้ผลักดันกลไกทางเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อเนื่องไม่มีวันสิ้นสุดนั่นเอง แต่ลึก ๆ แล้วคนที่ต้องการไม่แก่ไม่ตายจริงๆคือคนแบบจิ๋นซีฮ่องเต้ในอดีตที่มีอำนาจอยู่ในมือนั่นเอง ถ้าเป็นสมัยนี้คือคนกลุ่มน้อยที่มีอำนาจเงินหรืออำนาจชื่อเสียงหรืออำนาจทางการเมืองอยู่ในมือ การเอาชนะอภิตัณหาด้วยแนวทางแบบวัตถุนิยมนี้ไม่มีทางชนะได้อย่างแท้จริงหรอกมีแต่จะนำนรกและหายนะมาสู่มนุษยชาติเท่านั้น ผ่านคำสาปเรื่องดีอุส
Last updated