ตอนที่ 8: เซเปียนส์กลายเป็นสิ่งชำรุดทางประวัติศาสตร์ได้อย่างไร
ในยุคข้อมูลนิยมที่เริ่มต้นขึ้นแล้ว มีการคุกคามในทางปฏิบัติ 3 ประการที่จะบั่นทอนความเชื่อแบบเสรีนิยมให้หมดสมัย (หน้า 398)
มนุษย์จะสูญเสียความมีประโยชน์ทางเศรษฐกิจและทางการทหาร เพราะระบบเศรษฐกิจในยุคข้อมูลนิยม (dataism) ที่กำลังเข้ามาแทนที่ยุคทุนนิยม (capitalism) จะเลิกเชื่อมโยงคุณค่ากับมนุษย์ส่วนใหญ่ที่เป็นมวลชน (mass) ในระบบทุนนิยมที่กำลังกลายเป็นอดีต
ระบบข้อมูลนิยมจะยังค้นหาคุณค่าในมนุษย์โดยรวมได้บางส่วนอยู่ แต่มิใช่ในปัจเจกบุคคลที่ไม่เหมือนใครเหมือนในช่วงรุ่งโรจน์ของเสรีนิยมที่กำลังกลายเป็นอดีต
ระบบข้อมูลนิยมจะยังคงค้นหาคุณค่าในปัจเจกบุคคลบางส่วนที่จะประกอบกันเป็น "กลุ่มอภิมนุษย์ที่อัปเกรดแล้ว" หรือโฮโมดีอุสซึ่งเป็นอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใหม่ในอนาคต มิใช่กลุ่มของประชากรจำนวนมากที่กำลังกลายเป็นสิ่งชำรุดทางประวัติศาสตร์
สิ่งนี้กำลังเกิดขึ้นและหลีกเลี่ยงได้ยากมาก เพราะนี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติที่การพัฒนาปัญญา (intelligence) กับจิต (consciousness) (ในหนังสือแปลภาษาไทยใช้คำว่า สติสัมปชัญญะ ซึ่งผมไม่เห็นด้วย) เริ่มแยกจากกันไปคนละทาง ก่อนหน้านี้ ปัญญาอันสูงยิ่งมักเดินเคียงคู่กับจิตที่พัฒนาแล้วเสมอ คือมีแต่สิ่งที่มีจิตเท่านั้นจึงสามารถทำในสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ปัญญามาก อย่างเช่นการเล่นหมากรุก ขับรถยนต์ การวิเคราะห์โรค การระบุตัวผู้ก่อการร้ายเป็นต้น
แต่บัดนี้ในยุคข้อมูลนิยม เรากำลังพัฒนา "ปัญญารูปแบบใหม่" ที่ไม่ต้องพึ่งจิตมนุษย์ แต่กลับสามารถทำงานดังที่กล่าวมาได้ดีกว่ามนุษย์เสียอีก เพราะงานดังกล่าวมีพื้นฐานอยู่ที่การรับรู้รูปแบบ และอัลกอริทึมซึ่งไม่มีจิตสำนึกสามารถรับรู้รูปแบบได้เด่นล้ำกว่ามนุษย์ที่มีจิตเสียอีก สั้น ๆ การไปสู่ปัญญายวดยิ่ง (super-intelligence) ในยุคข้อมูลนิยมต่อจากนี้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งเส้นทางที่ต้องผ่านจิตสำนึกของมนุษย์ที่เป็นชีวิตอินทรีย์อีกต่อไปแล้ว เพราะวิวัฒนาการของ "คอมพิวเตอร์อนินทรีย์"สามารถลัดข้ามเส้นทางนี้ไปเลย โดยหันไปสร้างเส้นทางใหม่ที่แตกต่าง (จักรกลเรียนรู้ด้วยตนเองหรือ machine learning) และเร็วกว่ามากไปสู่ปัญญายวดยิ่ง
เมื่อเป็นเช่นนี้ จะเห็นได้ชัดว่าคำถามที่สำคัญที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 21 ต่อจากนี้คือ "จะทำอย่างไรดีกับคนที่มีมากเกินไปและกลายเป็นชนชั้นไร้ประโยชน์ (the useless class) ทางเศรษฐกิจ? จะเอามนุษย์ที่มีจิตไปทำอะไร เมื่อเรามีอัลกอริทึมที่ไม่มีจิตแต่มีปัญญาสูงยิ่งซึ่งสามารถทำได้ดีกว่าคนเกือบทุกอย่าง ?" (หน้า 411) วิทยาศาสตร์ชีวภาพในปัจจุบันได้หักล้างทำลาย ความเชื่อผิดๆที่หลงคิดว่าเซเปียนส์เป็น "สัตว์ประเสริฐ" เหนือกว่าอัลกอริทึมที่ไร้จิตเพราะตัวเองมีจิต ด้วยหลักการง่ายๆ 3 ประการดังต่อไปนี้
สิ่งมีชีวิตก็เป็นอัลกอริทึม สัตว์ทุกชนิดรวมถึงเซเปียนส์คือการรวมตัวของอัลกอริทึมอินทรีย์ที่ได้รับอิทธิพลจากการคัดสรรตามธรรมชาติตลอดวิวัฒนาการหลายล้านปี
การคำนวณของอัลกอริทึมมิได้ขึ้นกับสสารที่ใช้สร้างเครื่องคำนวณ
จึงไม่มีเหตุผลที่จะคิดว่าอัลกอริทึมอินทรีย์สามารถทำในสิ่งที่อัลกอริทึมอนินทรีย์ไม่มีวันทำตามได้ ตราบใดที่การคำนวณได้ผล จะสำคัญตรงไหนว่า อัลกอริทึมนั้นเป็นคาร์บอน (อินทรีย์)หรือซิลิคอน(อนินทรีย์) ?
มาถึงตรงนี้ ไม่ทราบว่าคุณเห็นเหมือนผมหรือไม่ว่า หลักคิดแบบข้อมูลนิยม เป็นวิธีคิดแบบลดทอนนิยม (reductionism) ที่สุดโต่งประเภทหนึ่ง (แต่ทรงพลังยิ่ง) ที่ลดทอนชีวิตเป็นแค่อัลกอริทึมเท่านั้น โดยที่ชีวิตเป็นแค่การประมวลผลข้อมูลเท่านั้น ปัญหาเชิงปรัชญาที่เป็นจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของพวกลัทธิข้อมูลนิยม คือการไม่เห็นคุณค่าของจิต รวมทั้งให้คุณค่าแก่ปัญญาอย่างเดียวเท่านั้น การไม่เข้าใจเรื่องจิต ไม่ยอมรับคุณค่าและความหมายแห่งการดำรงอยู่ของจิต คือข่าวร้ายที่เป็นคำสาปใหม่ในยุคข้อมูลนิยมที่จะครองโลกในไม่ช้านี้
บทสรุปของผมซึ่งต่างจากพวกนักวิทยศาสตร์ชีวภาพและพวกข้อมูลนิยม รวมทั้งพวกวัตถุนิยมประวัติศาตร์ คือ คนเราต้องแยกการพัฒนาจิต (consciousness) ออกจากการพัฒนาปัญญา(intelligence) และทุ่มเทชีวิตให้กับการพัฒนาจิต ยกระดับจิตเป็นหลัก มิใช่ปัญญาซึ่งต่อไปอัลกอริทึมอนินทรีย์จะทำได้ดีกว่าคนแน่ ๆ ในไม่ช้านี้
Last updated