ตอนที่ 5: ข้อตกลงเรื่องความทันสมัยกับเทวทัณฑ์
หากความทันสมัยเริ่มต้นพร้อมๆกับการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ที่เริ่มขึ้นเมื่อ 500 ปีก่อน ความทันสมัยคือข้อตกลงอย่างหนึ่ง พวกเราทุกคนต้องลงนามข้อตกลงนี้ตั้งแต่เกิดและจะมีผลบังคับชีวิตเราจวบจนวันตาย ข้อตกลงเรื่องความทันสมัยนี้ สรุปได้อย่างรวบยอดว่า "เซเปียนส์ตกลงจะละทิ้งความหมายเพื่อแลกเปลี่ยนกับอำนาจ" (หน้า 273)
เพราะในอดีตก่อนเข้าสู่ความทันสมัย มนุษย์ต้องยึดมั่นถือมั่นในเรื่องความหมาย (ของพระผู้เป็นเจ้าที่กำหนดชีวิตเราภายใต้แผนการจักรวาลอันยิ่งใหญ่) เพื่อเผชิญกับความทุกข์ยากจากความอดอยาก โรคระบาดและสงครามอย่างมีความหวังในชีวิตหลังความตายได้ พวกเขาต้องสร้างสวรรค์กับนรกผ่านเรื่องเล่าหรือเรื่องแต่งขึ้นมาเป็นความเชื่อความศรัทธาให้ยึดถือเพื่อเผชิญความตายและความยากลำบากในชีวิตได้อย่างไม่ไหวหวั่นและเปี่ยมความหมาย แต่ความทันสมัยได้ปฏิเสธความเชื่อแต่โบราณข้างต้นของเซเปียนส์อย่างสิ้นเชิง ชีวิตกลายเป็นไม่มีบทละคร ไม่มีคนเขียนบท ไม่มีผู้กำกับการแสดง และไม่มีผู้อำนวยการสร้างอย่างพระผู้เป็นเจ้า ชีวิตจึงไม่มีความหมายใดๆเลยตามความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุดที่เซเปียนส์มีในตอนนี้ เพราะแม้แต่จักรวาลเองก็ยังเป็นกระบวนการที่มืดบอดและไม่มีจุดมุ่งหมาย
ในสายตาของพวกทันสมัยนิยม สิ่งต่าง ๆ แค่เกิดขึ้น เรื่องแล้วเรื่องเล่า มีแต่เพียงสาเหตุ ไม่มีเป้าหมาย มนุษย์จึงสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่กิเลสกระตุ้นให้อยากทำถ้าหาหนทางทำได้ มนุษย์ไม่ได้ถูกกักขังจากอะไรนอกจากความโง่เขลาของตัวเอง ความอดอยาก โรคระบาด และสงครามไม่มีความหมายกับจักรวาล แต่มนุษย์สามารถกำจัดมันได้ ไม่มีสวรรค์รอคอยเราอยู่หลังความตาย แต่คนเราสามารถเสพสุขด้วยการสร้างสวรรค์เอาไว้บนโลกตอนนี้ ตรงนี้ และใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ไปให้ยืดยาวที่สุดเท่าที่จะยืดได้ ขอเพียงแค่คนเราสามารถจัดการเอาชนะความยุ่งยากทางเทคนิคบางอย่างด้วยวิทยาศาสตร์ได้เท่านั้น
นี่คือข้อตกลงแห่งความทันสมัยที่เย้ายวนใจยิ่งสำหรับพวกเซเปียนส์ เพราะความทันสมัยสามารถมอบอำนาจไร้ขีดจำกัดให้แก่คนเราในระยะที่แทบจะเอื้อมถึงได้เรื่อยๆมาโดยตลอดนั่นเอง โดยที่ข้างใต้เราคือห้วงเหวแห่งความว่างกลวงที่กำลังอ้าปากกว้างรอให้พวกเราพลัดตกลงไปได้ทุกเมื่อ ชีวิตที่"ทันสมัย"ของพวกเซเปียนส์ จึงเป็นการไล่ล่าอำนาจทางโลกหรืออำนาจเหนือวัตถุอย่างไม่หยุดหย่อนภายในเอกภพที่ปราศจากความหมายหรือหาความหมายไม่เจอ
การวิจัย ประดิษฐ์ ค้นพบ และเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างไม่หยุดยั้งคือหัวใจของความทันสมัย โดยที่ความทุกข์กลับดำรงอยู่ในยุคสมัยใหม่มากยิ่งกว่า ซับซ้อนยิ่งกว่ายุคก่อนสมัยใหม่อย่างเทียบกันไม่ได้เลย ทุนนิยมคือสิ่งประดิษฐ์ขั้นสุดยอดที่เป็นผลพวงของข้อตกลงเรื่องความทันสมัยของพวกเซเปียนส์ ในขณะที่ศาสนาแบบเอกเทวนิยมให้สัญญาแก่ผู้คนด้วยวิมานในอากาศ แต่ทุนนิยมกลับสัญญาด้วยปาฏิหารย์ของเทคโนโลยีบนโลกนี้ในเวลานี้ แถมยังเอามาส่งถึงที่ด้วย (หน้า 285)
เทวทัณฑ์ (天罰) อันแท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของทุนนิยมและข้อตกลงเรื่องความทันสมัย คือการล่มสลายของระบบนิเวศ รวมทั้งการล่มสลายของอารยธรรมทางวัตถุในปัจจุบันของพวกเซเปียนส์ผ่านการล่มสลายของชีวมณฑล (biosphere) มิหนำซ้ำเทวทัณฑ์นี้กำลังเริ่มขึ้นแล้ว หลังจากที่พวกเซเปียนส์จมจ่อมหมกมุ่นอยู่กับการเสพสุขบนโลกใบนี้แบบล้างผลาญในช่วงร้อยกว่าปีที่ผ่านมานี้
โครงการดีอุสเพื่ออัปเกรดพวกเซเปียนส์ที่เป็นชนชั้นนำทั่วโลกที่มีอำนาจคือ หนึ่งในโครงการเอาตัวรอดจากเทวทัณฑ์ที่กำลังเกิดขึ้นหลังจากนี้ในอนาคตอันใกล้นั่นเอง โครงการดีอุสที่จัดอยู่ในความเชื่อเรื่อง "เรือโนอาห์ไฮเทค" ของชนชั้นนำส่วนน้อยที่ครองโลกตะวันตกในปัจจุบัน จึงเป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติและระบบนิเวศทั้งปวงในปัจจุบัน เพราะคนพวกนี้เต็มใจให้คนค่อนโลกล้มตายไปกับหายนะจากการล่มสลายของระบบนิเวศและสงครามโลกครั้งสุดท้ายในอนาคตอันใกล้ ขอเพียงพวกตนสามารถขึ้นเรือโนอาห์ไฮเทคได้ทันเวลาเท่านั้นก็พอ
อย่ามัวแต่โทษก่นด่ารัฐบาลหาแพะกันอยู่เลย ความทุกข์ยากที่ผู้คนประสบอยู่ตอนนี้ มันเป็น "ข้อตกลงของความทันสมัย" ที่พวกเราทุกคนต้องเซ็นยินยอมนับตั้งแต่วินาทีแรกที่เราเกิดมาแล้วต่างหาก ความทันสมัยมันกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อให้แน่ใจว่า ต้องไม่มีมนุษย์คนไหนแม้เพียงคนเดียวหรือหมู่คณะเดียวจะพยายามเลิกการแข่งขันแบบการแข่งหนู (the rat race) ที่สร้างความเครียด ความกดดันและความทุกข์ให้แก่ผู้คนอย่างมหาศาล
Last updated