ตอนที่ 9: มิจฉาทิฐิที่ร้ายแรงที่สุดในยุคขัอมูลนิยม (dataism)
ปัจจุบันยุคข้อมูลนิยมเป็นใหญ่ได้เริ่มต้นแล้ว และกำลังเข้ามาทดแทนยุคทุนนิยมเป็นใหญ่ที่ชาวโลกคุ้นเคย มนุษย์จะไม่ใช่ "ตัวตนอันมีอิสระ"(แบบเสรีนิยม)ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยเรื่องเล่าที่ตัวตนประดิษฐ์ขึ้นมาเหมือนยุคก่อนๆอีกต่อไป แต่มนุษย์เซเปียนส์จะถูกกลืนจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายอัลกอริทึมระดับโลกอันมหึมาในที่สุด โดยเป็นส่วนหนึ่งที่ลดระดับความสำคัญลงเรื่อยๆในเครือข่ายระดับโลกอันมหึมานี้ (หน้า 434)
เทคโนโลยีในยุคข้อมูลนิยม ทำให้อัลกอริทึมภายนอกสามารถ "แฮกความเป็นมนุษย์" ได้ทุกคน ทำให้มันรู้จักคนผู้นั้นดีกว่าที่ผู้นั้นรู้จักตนเอง อีกไม่นานความเชื่อในแนวคิดปัจเจกบุคคลคงล่มสลาย โดยที่อำนาจจะย้ายเคลื่อนจากมนุษย์ผู้เป็นปัจเจกไปยังอัลกอริทึมที่โยงกันเป็นเครือข่าย (หน้า 424)
ในไม่ช้า มนุษย์จะยอมศิโรราบต่ออัลกอรทึม หันมามองตัวเองเป็น "จิ้งหรีด" ที่เป็นกลุ่มกลไกทางชีวเคมีที่ถูกเครือข่ายอัลกอริทึมอิเล็กทรอนิกส์คอยเฝ้ามองและชี้นำจูงจมูกอย่างต่อเนื่อง ความแปลกแยกที่ลดทอนความเป็นมนุษย์ (疎外 หรือ alienation) ที่คาร์ล มาร์กซ์เคยชี้ให้เห็นตอนเขาวิเคราะห์ระบบทุนนิยม และเรียกร้องให้ทุกคนที่รู้สึกแปลกแยกที่ลดทอนความเป็นมนุษย์ ลุกฮือขึ้นทำการปฏิวัติกรรมาชีพ เพื่อโค่นล้มระบบทุนนิยม จะกลายเป็นของเด็กๆน่ารักน่าคำนึงถึง เมื่อเทียบกับความแปลกแยกที่ลดทอนความเป็นมนุษย์อันเกิดจากระบบข้อมูลนิยม
เนื่องจากภายใต้ระบบข้อมูลนิยมนี้ มนุษย์เซเปียนส์ส่วนใหญ่จะถูกลดคุณค่าอย่างถึงที่สุดจนกลายเป็น "สิ่งไร้ประโยชน์" หรือสิ่งชำรุดทางประวัติศาสตร์ ส่วนคนที่ยังมีคุณค่าใช้สอยในระบบข้อมูลนิยมคือคนยอมกลายเป็นส่วนหนึ่งหรือชิ้นส่วนอินทรีย์ของเครือข่ายอัลกอริทึมอันมหึมาเท่านั้น ในยุคข้อมูลนิยม อัลกอริทึม เริ่มต้นจากเป็น "เทพพยากรณ์ผู้รอบรู้ทุกสิ่ง" (oracle) ให้คนใช้ มันเป็นประโยชน์มากและเป็นข้ารับใช้ที่ยอดเยี่ยมสำหรับมนุษย์ (ปัจจุบันยุคข้อมูลนิยมเพิ่งอยู่ในขั้นนี้) เมื่อยุคข้อมูลนิยม พัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง อัลกอริทึมจะวิวัฒนาตนเองไปเป็น "ผู้แทน" ที่ช่วยตัดสินใจแทนหรือทำงานแทนมนุษย์ในขอบเขตที่กว้างขึ้นเรื่อยๆจนครอยคบุมทุกสิ่งทุกเรื่องในที่สุด สุดท้าย จะมาถึงขั้นตอนสูงสุดแห่งยุคข้อมูลนิยม เมื่ออัลกอริทึมกลายเป็น "พระเจ้า" หรือ "ผู้มีอำนาจสูงสุด" เสียเอง
ช่วงเวลาร้อยปีหรือสองร้อยสามร้อยปีหลังจากนี้ จึงมิใช่ช่วงเวลาอื่นใด แต่คือ ช่วงเวลาแห่งการพัฒนาไปสู่ขั้นตอนที่มีวุฒิภาวะมากขึ้นเรื่อยๆของระบบข้อมูลนิยมเท่านั้น เทคโนโลยีใหม่ของศตวรรษที่ 21 จะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า "การปฏิปักษ์ปฏิวัติมนุษย์นิยม" หรือการถอดรื้อการปฏิวัติมนุษย์นิยม ผ่านการริบยึดอำนาจไปจากมนุษย์ และมอบโอรอำนาจให้แก่อัลกอริทึมซึ่งไม่ใช่มนุษย์แทน สิ่งที่จะเกิดขึ้นในยุคข้อมูลนิยม คือปัจเจกบุคคลจะถูกบดขยี้ให้แหลกราญจากภายในเอง แทนที่จะถูกบดขยี้อย่างโหดร้ายจากภายนอก ... โรคซึมเศร้าที่แพร่กระจายในหมู่คนทุกวัยทั่วทั้งสังคม อัตราการฆ่าตัวตายที่เพิ่มขึ้นมากกว่าการถูกฆาตกรรม คือสัญญาณที่บ่งบอกถึงการถูกบดขยี้จากภายในของปัจเจกบุคลทั้งหลายในยุคข้อมูลนิยม ... นี่แค่น้ำจิ้มเอง ความแปลกแยกที่ลดทอนความเป็นมนุษย์จะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆในยุคทุนนิยม
ยุคของมวลชนและยุคเพื่อมวลชนใกล้จะจบสิ้นแล้ว พร้อมๆกับการรุดหน้าแบบก้าวกระโดดของระบบข้อมูลนิยมหลังจากนี้ ภายใต้ยุคข้อมูลนิยม จะเกิดศาสนาใหม่ขึ้นที่เรียกว่า "ศาสนาข้อมูล" (data religion) ซึ่งเป็นศาสนาเทคโนโลยีแบบวัตถุนิยมสุดโต่งประเภทหนึ่ง เพราะศาสนาข้อมูลให้สัญญาแก่ผู้คนว่า จะนำพาผู้คนให้หลุดพ้นได้ด้วยอัลกอริทึม"อัปเกรดจิตใจมนุษย์" และเทคโนโลยีพันธุกรรม สเปกตรัมของสภาวะจิต (spectrum of mental state) ที่นักวิทยาศาสตร์ยุคข้อมูลนิยมใช้ในการสร้างอัลกอริทึมอัปเกรดจิตใจมนุษย์ มาจากภาคส่วนเล็กๆสองภาคส่วนเท่านั้น คือ ส่วนพร่องจากบรรทัดฐาน (sub-normaltive) และกลุ่ม WEIRD ที่มาจากคำหน้าของคำว่า Western, Educated, Industrialsed, Rich, Democratic คือใช้สภาวะจิตและระดับจิตเฉลี่ยของพลเมืองในสังคมประเทศตะวันตกเป็นข้อมูลพื้นฐานเท่านั้น (หน้า 454)
ตรงนี้แหละคือข้อจำกัดของพวกข้อมูลนิยมในการทำความเข้าใจเรื่องจิต รวมทั้งข้อจำกัดของตัวยูวัล แฮรารีผู้เขียนหนังสือ Homo Deus ด้วยทั้งๆที่ตัวเขาก็เคยเป็นศิษย์ของโกเอ็นก้า (1924-2013) ฝึกนั่งสมาธิและวิปัสสนามาถึงยี่สิบปีเต็ม แต่ก็ยังหลุดจากกรอบความคิดแบบวัตถุนิยมประวัติศาสตร์ที่ตัวเขาใช้เขียนหนังสือ Homo Sapiens และ Homo Deus ไม่ได้ แนวคิดแบบวัตถุนิยมประวัติศาตร์ของพวกข้อมูลนิยม คือมิจฉาทิฐิที่ร้ายแรงที่สุดในยุคนี้ที่เข้าสู่ยุคข้อมูลนิยมแล้ว ถ้าเช่นนั้น สัมมาทิฐิในยุคข้อมูลนิยมควรเป็นอย่างไร ... นี่คือหัวข้อรีวิวหัวข้อสุดท้ายในข้อเขียนชุดนี้ของผม
Last updated